สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า



         สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า




พระราชประวัติ

           สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระนามเดิม พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา (๑๐ กันยายน ๒๔๐๕ – ๑๗ ธันวาคม ๒๔๙๘) เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพแต่เจ้าจอมมารดาเปี่ยม (ภายหลังเป็นสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา พระอัยยิกาเจ้าในรัชกาลที่ ๖) เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๕ เป็นพระเจ้าลูกเธอชั้นเล็ก ลำดับที่ ๖๐ ในจำนวนทั้งหมด ๘๒ พระองค์ โดยรับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นพระภรรยาเจ้า ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


((จากซ้าย) พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ และพระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย)


         พระองค์ทรงเป็นพระราชชนนี (แม่) ของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรณหิศ ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรกของไทย พระมาตุจฉาเจ้า (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระอัยยิกาเจ้า (ย่า) ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลฯ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
       นอกจากนี้ พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งองค์สภาชนนีสภาอุณาโลมแดง อันเป็นชื่อของสภากาชาดไทยเมื่อครั้งแรกในต้นรัชกาลที่ ๕ เป็นพระองค์แรกและพระองค์เดียว และองค์สภานายิกา สภากาชาดไทย พระองค์ที่ ๒ และทรงสร้างสถานพยาบาลขึ้น ปัจจุบัน คือ โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของสภากาชาดไทย
      พระองค์ทรงมีพระเชษฐาและพระขนิษฐาร่วมพระมารดาทั้งสิ้น ๖ พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พรองค์เจ้าสว่างวัฒนา พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี และพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ
      เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ ๖ พรรษา พระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตและสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ กรมขุนพินิตประชานาถ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติขึ้นเป็นรัชกาลที่ ๕ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระฐานันดรศักดิ์ของพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา จึงเปลี่ยนเป็น พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสว่างวัฒนา
      เมื่อทรงเจริญพระชันษาขึ้น พระองค์ก็มีพระสิริโฉมงดงาม จนมีคำกล่าวว่า “หน้าตาคมสันองค์สว่างพูดจากระจัดกระจ่างองค์สุนันทา” พระองค์ทรงเข้ารับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าใน รัชกาลที่ ๕ ขณะที่ทรงมีพระชนม์ ๑๖ พรรษาโดยมีพระองค์เจ้าหญิง พระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๔ ที่รับราชการเป็นพระภรรยาเจ้าในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับพระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี และพระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี
      พระภรรยาเจ้าทั้ง ๔ พระองค์มีพระเกียรติยศเสมอกันทุกพระองค์ พระเกียรติที่จะเพิ่มพูนนั้นขึ้นอยู่กับการมีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเป็น สำคัญ จนกระทั่ง ในปี พ.ศ. ๒๔๒๓ เกิดเหตุการณ์สิ้นพระชนม์ของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์โดยเรือพระประเทียบล่มระหว่างโดยเสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังบางประอิน จึงทำให้เกิดปัญหาในการจะออกพระนามในประกาศทางราชการซึ่งนำมาสู่การจัดระเบียบภายในพระราชสำนักว่าด้วยตำแหน่งพระภรรยาเจ้าให้เป็นที่เรียบร้อย โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระราชเทวี” ซึ่งถือเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีพระองค์แรก และพระองค์เจ้าสว่างวัฒนาขึ้นเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีพระองค์ต่อไป เฉลิมพระนามาภิไธยว่า สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระราชเทวี โดยในวันงานพระเมรุมาศสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ฯ ก็ได้มีประกาศยืนยันฐานะสมเด็จพระอัครมเหสีให้ปรากฏเด่นชัดยิ่งขึ้นโดยเพิ่ม คำว่า บรม เข้าไปในคุณศัพท์ของคำว่าราชเทวีอีกหนึ่งคำ ดังนั้น พระองค์จึงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาพระบรมราชเทวี ซึ่งเป็นตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสี เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชกุมารชั้นเจ้าฟ้าพระองค์ใหญ่ในรัชกาลที่ ๕
      หลังจากพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งพระอัครมเหสีแล้ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้สร้างพระตำหนักขึ้นในเขตพระราชฐานชั้นในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้เป็นที่ประทับของพระองค์ พระตำหนักใหม่นี้เป็นพระตำหนักขนาดใหญ่ ถือเป็นพระตำหนักประธานในเขตพระราชฐานชั้นในเลยทีเดียว โดยเมื่อขึ้นพระตำหนักใหม่แล้ว ชาววังก็ออกพระนามลำลองว่าสมเด็จพระตำหนัก ตั้งแต่นั้นมา
      ภายหลังการสวรรคตของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ พระราชโอรสในพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมารพระองค์ต่อไป พร้อมทั้งสถาปนาพระอิสริยยศของของพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี ในฐานะทรงเป็นพระชนนีในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ พระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นพระยศพระอัครมเหสีเช่นเดียวกับสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีหลังจากนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนยุโรป อย่างเป็นทางการพระองค์ได้สถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรีพระอัครราชเทวี เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และเฉลิมพระนามาภิไธยขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของพระภรรยาเจ้า จึงทำให้ฐานะของสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี ลดลงมาเป็นมาเป็นอันดับสองพระราชวงศ์ฝ่ายในโดยปริยาย



                                                          (ตราประจำพระองค์)

ทีมาhttp://th.wikipedia.org